กรมชลฯ ยันไม่ละความพยายาม เร่งสร้างพนังกั้นน้ำชี ปกป้องทุ่งข้าวชาวบ้าน

การเร่งสร้างพนังกั้นน้ำ ที่หลากออกจากลำน้ำชี ที่ตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อปกป้องนาข้าวหลายหมื่นไร่ ตอนนี้คืบหน้ากว่าร้อยละ 60 แต่ขณะเดียวกัน เฉพาะจุดนี้ที่หลากท่วมก็เสียหายนับหมื่นไร่แล้วเช่นกัน กรมชลประทานยืนยันว่าจะไม่ละความพยายามที่จะปกป้องทุ่งข้าวผืนนี้ของชาวบ้าน จึงระดมเครื่องจักรมาเสริมเต็มที่

(11 ต.ค.) แนวพนังใหม่ที่พยายามทำตลอดวันนี้คือ ใส่เหล็กชีทไพล์ปักลงไปในน้ำ แล้วโยนกล่องบรรจุหินลงไปเพื่อชะลอความแรงของน้ำไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าฝั่งชิดถนนนี้คืบหน้าไปมาก ทำให้ทิศทางน้ำไหลไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะกัดเซาะพนังเดิมฝั่งนั้นขาดได้ ตอนนี้จึงสลับไปวางก่องหินในฝั่งนั้น ขยับเข้ามาเพื่อบีบทิศทางน้ำไหลให้เข้ามาตรงกลาง จากนั้นจะทำเป็นคันดินปิดทางน้ำนี้ทั้งหมด

นายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6  ยอมรับระดับน้ำในที่นา ซึ่งต่ำกว่าบนฝั่งแม่น้ำชีประมาณ 1 เมตร ถือว่าเป็นอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าจะไม่ถอนกำลังและจะเดินหน้าทำแนวพนังนี้ให้ได้ เพราะยังมีโอกาสที่จะใช้เครื่องสูบน้ำออกได้

ทั้งนี้ การทำแนวพนังใหม่ต้องแข่งกับกระแสน้ำที่หลากเชี่ยวพอควร และยังกัดเซาะบริเวณแนวพนังเดิมให้ทรุดตัวลงเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งมือเต็มที่ เพื่อให้แนวพนังใหม่แล้วเสร็จก่อนแนวเดิมที่จะพัง

โดยพื้นที่รับน้ำ ซึ่งเป็นทุ่งข้าวจากการที่น้ำหลากลงตั้งแต่ 3 วันก่อน เสียหายไปแล้วเกือบ 1 หมื่นไร่ เจ้าหน้าที่คำนวณว่า ทุ่งข้าวแปลงนี้ หากคิดเฉลี่ยะว่าเสียหาย 2 หมื่นไร่ ให้ผลผลิตไร่ละ 500 กิโลกรัม และขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท จะเป็นมูลค่าผลผลิตกว่า 100 ล้านบาท

วันนี้ ชาวบ้านปลาปัด ตำบลยางท่าแจ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากผมไปราว 4 กิโลเมตร ยังต้องนอนเต็นท์ริมถนน เพราะว่าบ้านของตัวเองถูกน้ำท่วม

ข่าว 3มิติ ติดตามผลกระทบจากการหลากท่วมของลำน้ำชี พบว่าวันนี้ต้นน้ำหรือน้ำชีก้อนแรก กำลังหลากพื้นเขตอำเภอโกสุมพิสัย และโดยมุ่งหน้าตามลำน้ำ เข้าสู่เขตอำเภอกันทรวิชัยแล้ว ทำให้ระดับน้ำชีในเขตอำเภอกันทรวิชัยเพิ่มระดับสูงขึ้นแล้ว พื้นที่ท้ายน้ำดังกล่าวต้องจับตาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เสียหายน้อยที่สุด