สังคม

ต้องมีกฎหมายเอาผิดการทรมาน! แอมเนสตี้ เผย มีอีกหลายเคสที่ไม่เป็นคดีความเนื่องจากสาเหตุการตาย

25 ส.ค. 2564

816 views



25 ส.ค. 64 นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน ที่ก่อเหตุทรมาน ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดจนทำให้เสียชีวิต ว่าจากคลิปวิดีโอที่ปรากฎออกมาเป็นเรื่องที่สร้างความหวาดกลัวและความตกใจให้กับสังคมอีกครั้ง โดยในกรณีนี้มีภาพออกมาชัดเจนและเป็นข่าวใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีการกระทำในลักษณะนี้อีกหลายกรณีมากที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการรวบรวมสืบสวนจนเป็นคดีความ เหตุการณ์นี้จึงสร้างความกังขาให้สังคมไทยที่คนต่างรู้อยู่แล้วว่าเกิดขึ้นมานาน แต่ทำไมยังคงเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้แอมเนสตี้ มองว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาหรือใครก็ตาม ก็มีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


ส่วนสถิติของการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แม้ไม่ได้มีการรวบรวมอย่างจริงจัง แต่จะเห็นได้ว่ามีการรายงานเคสลักษณะนี้ทุกปี ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแต่รูปแบบการซ้อมทรมานเท่านั้น การทรมานที่ว่านี้ มีระดับขั้นตั้งแต่การเปิดเพลงเพื่อไม่ให้นอนหลับได้ การนำสุนัขเข้ามาข่มขู่ให้หวาดกลัว และรูปแบบอื่นๆ รวมถึงการใช้ถุงพลาสติกคลุมจนขาดอากาศหายใจเช่นในกรณีนี้ และกรณีเหล่านี้อีกมากมาย ก็ไม่ได้มีการบันทึกไว้ หรือกลายเป็นคดีความ เนื่องจากสาเหตุการตายที่ปรากฎออกมา ไม่ได้นำไปสู่การพิจารณาเป็นคดีความได้ โดยมีทั้งตายเพราะฆ่าตัวตาย ติดเชื้อในกระแสเลือด ป่วย หรือแม้กระทั่งลงเอยด้วยการหายตัวไป


ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปัญหาหลักเกิดจากการที่ไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดจากการทรมานได้โดยตรง หากมีกฎหมาย อย่างน้อยก็จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐได้ระลึกและตระหนักว่าต้องรับผิดชอบจากสิ่งที่ทำ พอไม่มีกฎหมาย ก็เหมือนมีใบอนุญาตให้ทำได้ในระดับหนึ่ง


ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่ห้ามการทรมานและปฏิบัติโหดร้ายในทุกสภาพการณ์ไม่มีข้อยกเว้น รัฐบาลไทยได้ประกาศพันธสัญญาในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ ที่จะตั้งกลไกป้องกันการทรมาน และออกกฎหมายรองรับ เพื่อให้เกิดการป้องกันและสืบสวนเหตุการทรมานอย่างมีประสิทธิภาพและเยียวยาผู้เสียหาย แต่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ก็ยังคงไม่มีกฎหมายที่เป็นรูปธรรม


นอกจากนี้ ปัญหานี้ยังเกี่ยวโยงกับเรื่องของความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน การไม่มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ และความไม่เป็นอิสระของกระบวนการต่างๆ เช่น กรณีของการระบุสาเหตุการตาย ก็แสดงให้เห็นว่า ทุกกระบวนการไม่ได้มีความเป็นอิสระ แต่มีการเอื้อกันเพื่อปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้น


แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จึงเสนอให้มีการออกกฎหมายเอาผิดทางอาญากับการทรมาน ที่เป็นไปตามหลักการสิทธิมนุษยชน และรัฐต้องมีความจริงจัง มีกระบวนการโปร่งใสและเป็นธรรม ในทางคดีและการสอบสวน สิ่งสำคัญคือ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ที่มีความพยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2559 แต่ก็ถูกตีตกไป ความคืบหน้าขณะนี้ก็ยังคงรอการพิจารณาในสภาอยู่ ซึ่งหากกฎหมายนี้ผ่านตามร่าง ครอบครัวหรือญาติผู้ถูกกระทำก็จะได้รับการเยียวยาช่วยเหลือทั้งกระบวนการ เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจะเอาใครไปจับกุมคุมขังโดยไม่แจ้งให้คนอื่นรู้ได้ และจะต้องมีการตรวจสอบ ตั้งกระบวนการอิสระ ที่ไม่มีส่วนใดส่วนเสีย หากมีการกระทำผิด ผู้บัญชาการต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย รวมถึงจะมีผลย้อนหลังด้วย


ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เน้นย้ำว่า อยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย และขอให้มีการตรวจสอบที่อิสระและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งยังหวังว่าเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนจะเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน และสร้างความเชื่อใจว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  กฎหมาย ,ซ้อมทรมาน ,แอมเนสตี้

คุณอาจสนใจ

Related News